Tuesday, October 24, 2006

น้ำหนาว..หนาวน้ำค้าง

น้ำหนาว...หนาวน้ำค้าง
ฟ้าพร่างพราว ดาวแจ่มฟ้า
คิดถึง..อยากให้มา
สอนนับดาวที่เกลื่อนฟ้า...สักคืน

21-23ตุลาคม2549 4ชีวิตเดินทางโดยมิได้วางแผน(มักเป็นเช่นนี้เสมอ)
เช้า21 ตื่นขึ้นมา ซักผ้ากวาดเก็บบ้าน เสร็จแล้วก็นอนอ่าน เพชรพระอุมา
ครั้นเวลา 2.21pmได้รับsmsจากมิ่งมิตร(ที่เคารพ) ปลายทางถามว่าวันนี้มีกิจกรรมอะไรบ้าง? ฉันยังได้ตอบเขาไปว่า มีนัดคุยกับ อีตาพรานระพินทร์ ไพรวัลย์ ที่หนองน้ำแห้ง ไม่มีแผนใดๆดอก
แต่หลังจากนั้นชั่งโมงกว่าๆ โดยมิทราบสาเหตุ ก็packกระเป๋าขึ้นท้ายรถ ห้าโมงเย็นออกจากบ้าน เอ้อระเหย พักทานข้าวเย็นบ้าง ถึงน้ำหนาวก็เกือบสามทุ่ม

โอ น้ำหนาว รถราจอดเต็มไปหมด หาที่เหมาะๆกางเต๊นท์2หลัง อากาศหนาวถูกใจ ซดกาแฟ ชิมหมอกหยอกลม พอหอมปากหอมคอแล้วก็ซุกตัวเข้าไปในถุงนอน นอนฟังเสียงลมเสียงกีต้าร์จากเต๊นท์ข้างเคียง ออ..ดาวเต็มฟ้าเลยหละ

เช้าที่สดชื่น หนาวเล็กๆ ต้มกาแฟแล มาม่า ได้คุยกับเพื่อนใหม่ ครอบครัวพยาบาลจาก รพ.ศูนย์ขอนแก่น สามีเป็นคุณครู KKW ยังได้คุยกันเรื่องเวบ มศ.5 ลูกสาวน่ารัก สนทนาพอหอมปากหอมคอ พวกเขาก็ไปพักภูร่องกล้าต่อ ส่วนเรา ออกเดินป่าน้ำหนาว เลือกเดินเส้นทางใกล้ๆ 3.5 กิโลเมตร

เหนื่อยน่าดูได้เกาะแขนฝาละมีและลูกๆ
โอ! พระเจ้า ใยพละกำลังมันหดหายถึงเพียงนี้ ธันวากะจะปีนภูกระดึง สิไหวบ่น้อ?(ถามตัวเอง)
ขาขึ้นปีนภูสูงชันพอดู ถึงยอดภู อากาศเย็นเยียบ สดชื่นนนมากกกก... หายเหนื่อยเลยหละ(ก็นอนแผ่ที่แคร่บนยอดภูตั้งชั่วโมงครึ่งนี่นา) จากนั้นเดินกลับที่พักอีก 2.5 กิโล
อืมม ...ระหว่างทางมีร่องรอยช้างผ่านใหม่ๆหมาดๆด้วยหละ ขี้ช้างนะสิ สดๆอยู่เลย หนำซ้ำมันยังดึงต้นไผ่ล้มระเนระนาดขวางทางอยู่หลายช่วงทีเดียว ยิ่งอ่านเพชรพระอุมามาหมาดๆเกรงจะเจอเจ้าของงวงมาจ๊ะเอ๋อยู่ใกล้ๆ คิดไปขนลุกไป ถ้ามันมาจริงๆก็คงยอมให้มันเหยียบแต่โดยดี (ฮา) เสียวหัวใจจริงๆ ไม่ถึงกับโขลงไอ้แหว่งหรอก แค่ลูกช้างเกิดใหม่ ก็ยอมมันทั้งน้านน
โชคดีว่ามีเพื่อนร่วมทางหลายคณะพออุ่นใจหน่อย แต่ถามกันไปถามกันมา ทุกคนก็ไม่มีอาวุธติดมือกันเลย บรื๋ออส์ส์ อดคิดถึงพ่แก้วแม่แก้วไม่ได้ตอนที่ได้ยินเสียงแปร๋นๆอยู่ไกลๆ มองตากันเลิ่กลั่ก ลุงที่เดินมาพร้อมๆกันกระซิบว่า เอ..เราจะไปต่อ หรือจะถอยดี (ฮา)

บ่ายๆนอนดูฟ้า ต้นสนสูงลับตาหายเข้าไปในกลีบเมฆ อ้อ เมฆสิเคลื่อนผ่านยอดสน สวยงามประทับใจ
หายเหนื่อย อาบน้ำ ก่อไฟทานข้าวท่ามกลางไอหนาวอีกคืน ชุ่มชื่นหัวใจจริงๆ คิดถึงมิตรสหายอยากให้ร่วมทางมาด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน อ้อ!ฟ้าสวยจริงๆ ดาวเกลื่อนฟ้าเลยหละ จึงได้บทกลอน(อ่านให้เป็นกลอน)ข้างบนนั่น ส่งถึงมิตร แทนใจ

เช้าอีกวัน สูดไอหนาวเต็มปอด ร่ำลาฝูงจักกะจั่น อา..น้ำหนาว แหล่งพักใจครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้วสินะ
เอ้อระเหยริมทางกว่าจะถึงบ้านก็เกือบเย็น พรุ่งนี้..มีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม เพื่อสู้งานต่อไป

นั่นคือวันเวลาของนักเดินทาง !






No comments: